Select Page

ในการบริหารจัดการนั้น ขอให้เข้าใจว่า คุณกำลังถูกส่องจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน ลูกน้อง หรือ เพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการ ส่วนใหญ่มักคิดว่าตนเองมีความสามารถที่ดีมาก หรือทำงานได้ดี มีผลงานเข้าตาผู้บริหารระดับสูงจนได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ  หารู้ไม่ว่าการได้เลื่อนตำแหน่งนั้น อาจเป็นผลของการทำงานมานาน ไม่มีคน จำเป็นต้องเลื่อนขั้น พฤติกรรมการแสดงออกของ ผู้จัดการบางคน จึงไม่น่ารักเท่าที่ควร ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร

ลองมาสำรวจครวจเช็ค พฤติกรรมการแสดงออกของผู้จัดการว่าเป็นเช่นไร คือพฤติกรรมที่ไม่ดีของผู้จัดการที่หลายคนที่ต้องทำงานด้วย ไม่น่ารัก ไม่พึงปรารถนา..ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ คงบอกได้อย่างเดียวว่าต้องรีบกลับเนื้อกลับใจ จากการเป็น ผู้จัดการนิสัยไม่ดี เพื่อทำให้ตนเอง เป็น “ผู้จัดการอัจฉริยะ” โดยด่วน ก่อนจะสายเกินแก้..ถึงเวลานั้น ตำแหน่งผู้จัดการที่คุณเป็นก็จะไร้ความหมาย เพราะปกครองใครเขาไม่ได้..ผลงานก็มีน้อย ถึง ไม่มี เพราะไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย..มาดูพฤติกรรมยอดแย่ ของคนที่เป็นผู้จัดการ การตรวจเช็ค ผู้จัดการต้องทำ ดังเช่น ผู้จัดการ 360 องศา จะสะท้อนภาพการทำงานของตนเองได้ดีที่สุด ดังต่อไปนี้..

 1 ผู้จัดการ ที่มองคนด้านลบ มาก ๆ
ผู้จัดการที่ชอบมองคนรอบข้างเป็นลบ ทำงานให้ แบบนั้นก็ไม่ดี แบบนี้ก็ไม่ใช่ โดยเฉพาะกับลูกน้องของตนเอง ที่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ไม่ถูกใจ ผิดไปหมด มองคนอื่นแย่ไปหมด มีแต่ตำหนิ ติเตียน ใครที่มีอาการเช่นนี้ ใหรีบสำรวจตนเอง เพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยด่วน โดยให้รีบปรับเปลี่ยนโดยไว..ให้เป็นการให้กำลังคนอื่น เพื่อกระตุ้นให้ทีมงานมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ ทดลองเปลี่ยน มุมบริหารจัดการ จาก ลบ เป็น บวก แล้วคุณจะเห็นความสำเร็จเป็นเรื่องไม่ยากอีกต่อไป..

2 ผู้จัดการ ไม่เดือดเนื้อ ร้อนตัว
มีผู้จัดการที่มัก ไม่ยินดี ยินร้าย ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่สนใจ ที่ไม่รู้หนาวรู้ร้อน เช่นถ้าถามคนรอบข้างว่าผู้จัดการคนนี้ ได้รับการเลื่อนขั้นได้อย่างไร ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตนเองก็ “งงเป็นไก่ตาแตก” ว่าเลื่อนขั้นขึ้นมาได้อย่างไร..ผู้จัดการกลุ่มนี้มีลักษณะคือไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้างรวมถึงไม่สนใจต่อเป้าหมายความสำเร็จของทีมงาน หรือเป้าหมายขององค์กร อุบ๊ะ! ถ้าใครผู้จัดการ ที่มีลักษณะนิสัยเป็นเช่นนี้ ขอให้เข้าใจว่าแล้วจะถึงเป้าหมายได้อย่างไร ไม่มีใครจะผลักดันหรือกระตุ้นให้ทีมงานบรรลุเป้าหมาย ไม่แตกต่างอะไรกับคำว่า เช้าชาม เย็นชาม ใครเป็นเช่นนี้ ต้องรีบเปลี่ยนโดยด่วน โดยการท่องคาถานี้ไว้ตลอดเวลาว่า.. “ต้องรีบเปลี่ยนตัวเอง ดีกว่าให้คนอื่นมาเปลี่ยนเพราะถ้าคนอื่นเขามาเปลี่ยนเรา เขาจะทำอย่างเดียว คือเปลี่ยนเราออกไปจากบริษัทเขา”

 

3 ผู้จัดการ ที่มั่นใจในตนเองมองข้ามผู้อื่น
ผู้จัดการที่ไม่เคยมองคนอื่นในสายตา ไม่เคยฟังความคิดของผู้อื่น ไม่ให้เครดิตใคร หรือแม้แต่คนที่ตนเองไว้ใจ เพราะความเชื่อมั่นในตนเองนั้นสูงเกินไป ทำให้มองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง มองเห็นแต่สิ่งที่ตนเองทำ ตนเองตัดสินใจ ทั้ง ๆ ที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก ความสำเร็จที่เคยทำได้ในอดีต ส่วนใหญ่ก็มักใช้ไม่ได้ในปัจจุบันและอนาคต..ถ้าคุณคือ ผู้จัดการที่กำลังเป็นเช่นนี้ บอกเลย เตรียมลำบากได้..ขอให้รีบปรับเปลี่ยนโดยเร็ยด้วยการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่จะทำให้คุณเป็น ผู้จัดการที่ดีขึ้นมาได้ นะเพ่

 

4 ผู้จัดการกลัวการตัดสินใจ
การตัดสินใจเป็นเรื่องของผู้นำ แต่ผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่มักม่ตัดสินใจ เพราะความแตกต่างระหว่างผู้จัดการกับทีมงาน คือการที่ผู้จัดการต้องกล้าต่อการตัดสินใจ ย้ำ คนที่เป็นผู้จัดการต้องตัดสินใจเป็นกล้าตัดสินใจ และมีแนวทางในการตัดสินใจที่มีหลักวิธีที่ดี เพียงพอ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ แตรสภาพจริง มีผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่กังวลถึงผลกระทบของการตัดสินใจของตนเอง ทำให้เลือกที่จะไม่ตัดสินใจดีกว่า..วิธีการก็จะโยนการตัดสินใจไปให้ทีมงานบ้าง ให้คนอื่นบ้างในการตัดสินใจ.. อ้าว..คิดมั๊ย แล้วจะมีผู้จัดการไปเพื่อ….ช่วยตอบหน่อย..

ถ้าคุณเป็นผู้จัดการที่เป้นเช่นนี้ ต้องเร่งเพิ่มพูนความรู้ ไปเรียน หลักการเพื่อเป็นผู้จัดการอัจฉริยะ เพราะถ้าคุณไม่กล้าที่จะตัดสินใจ ก็ขอให้เข้าใจว่า ผลงานมักตกไปอยู่กับคนที่มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง..เสมอ ๆ จำไว้จะเพ่..แล้วจะเป็นผู้จัดการไปเพื่อ…

5 ผู้จัดการ ที่งานยุ่งมาก
ผู้จัดการบางคน วางตัวให้ยุ่งมาก ถึง มากที่สุด ประชุมบ้าง ทำงานบ้าง ทีมงานก็เข้าถึงยากมาก ฝนหลายองค์กร เช่น บริษัทบางบริษัท จึงตัดสินใจที่จะไม่ยอมให้ผู้จัดการมีห้องส่วนตัว ให้ทำงานรวมกับผู้อื่น เพราะผู้จัดการหลายคนมักปิดห้องทำงาน ทำให้ทีมงานเข้าไม่ถึง เพราะเกรงใจเห็นว่า ผู้จัดการของตนเองนั้น ยุ่งมาก ถึงมากที่สุด การเป็น ผู้จัดการ จำเป็นต้องเป็นตัวแทนของหลายฝ่าย ทีมงานต้องการให้ ผู้จัดการช่วยเหลือ ผู้บริหารต้องการให้ผู้จัดการสื่อสารกับทีมงาน ดังนั้น ผู้จัดการต้องทำตัวเองเป็นศูนย์กลางแต่ถ้าปรากฏว่า ผู้จัดการมัวแต่ยุ่งอยู่ ก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน แล้วใครจะกล้าเข้าหา..เส้นทางการบริหารของผู้จัดการจะลำบาก หันมองคนอื่นบ้าง ก่อนที่จะไม่เหลือใครให้มอง..ถึงเวลานั้นก็จะลำบากถาวร..

 6 ผู้จัดการที่แสดงอารมณ์เสีย หงุดหงิด
ทุกคนมีสิทธิที่จะอารมณ์เสีย หงุดหงิด ได้บ้าง แต่มีผู้จัดการบางคน ปกครองด้วยการใช้พระเดชในกาบริหารทีมงาน ทำให้ผู้จัดการคนนี้มักมีอากัปกิริยาแสดงออกแบบใช้อารมณ์ ไม่พอใจ อารมณ์เสียหรือหงุดหงิดอยู่ร่ำไป..ไม่ว่าใครจะทำอะไรให้ก็ไม่พอใจ..ผิดไปหมด ไม่ได้ดั่งใจ ทำให้คนรอบข้างหนีห่างกันหมด อ้าว..แล้วอย่างนี้ ใครจะทำงานให้ละ..ผู้จัดการคนไหนเป็นเช่นนี้ บอกเลยให้รีบสงบสติอารมณ์ และท่องไว้ “จะเป็นใหญ่ ใจต้องนิ่ง” ถ้ายังไม่นิ่ง ก็จะบอกว่า ให้ระวัง เพราะบารมี ของผู้จัดการจะหายไป ไม่มีคนนับถืออีกเลย

 

ถ้าคุณเป็นผู้จัดการ จงจำไว้!

คุณจะไม่เคยประสบความสำเร็จเลย

ถ้าคุณขาดทีมงานที่สนับสนุนคุณ

7 ผู้จัดการซ่อนเร้น บอกไม่หมด
ความลับในการบริหารจัดการต้องมี โดยเฉพาะกับผู้จัดการ หรือ ผู้บริหารงาน แต่ผู้จัดการบางคน คิดกังวลเกินเหตุ คือกลัวลูกทีมจะเก่งกว่า หรือบางคนพยายามที่จะสร้างคุณค่าในตนเองให้มาก ๆ เพื่อต่อรองกับบริษัท วิธีการที่มักนำมาใช้ก็คือไม่ยอมบอก ไม่ยอมสอน ทุกอย่างเป็นความลับสุดขอบฟ้า พนักงานของตนเองจะรู้ไม่ได้ หรือบางครั้งจำเป็นต้องบอก ก็บอกไม่หมด คนที่รับไป ก็จะจำแบบผิด ๆ ถูก ๆ บอกเลย ผู้จัดการคนไหนเป็นเช่นนี้ คุณจะยังต้องเหนื่อยไปอีกนานแสนนาน เพราะทุกคนเขาจะไม่ทำ ทำไม่เป็น หรือทำผิด เพราะต่างรอให้คุณกลับมาทำ เพราะเป็นผู้จัดการที่มีข้อมูลมากที่สุด

 8 ผู้จัดการ ที่ชอบจับผิด ล้วงลูก
ผู้จัดการบางคนอาจบอกว่า กังวลใจ ก็ใช่อยู่ แต่ของให้เข้าใจว่า กังวลใจกับจับผิด มันไม่คล้ายกันนะ เพราะถ้ากังวลมากไป แบบนี้ ถ้าจะเรียกอย่างนี้ก็คงจะไม่ผิดว่าเป็น ลักษณะนิสัยของผู้จัดการประเภทนี้ ก็จะไม่ไว้วางใจไปหมด ทำอะไร ผู้จัดการก็ต้องขอมามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเรื่องเล็ก ถึงเรื่องใหญ่ ๆ ขอให้ผู้จัดการที่เป็นเช่นนี้ เข้าใจว่า ทีมงานเขาอึดอัด หัดไว้ใจคนอื่นเสียบ้าง..ให้ท่องไว้ว่า “เราก็เคยเป็นเด็ก เรายังผ่านตรงนั้นมาได้” แล้วลองให้ทีมงานทำ ให้เขาตัดสินใจเองบ้าง เท่านี้แหละ สังคมการทำงานก็จะเจริญสุข..เพราะมีแต่ความไว้ใจกัน..

9 ผู้จัดการ นิสัยเสมียน ลงมาทำเองทุกอย่าง
มีคำโบราณมักเปรียบเทียบว่า “ผู้จัดการนิสัยเสมียน” ลงมาทำงานพนักงาน เป็นคำที่เปรียบเปรยว่าผู้บริหารหรือผู้จัดการบางคน ที่มักชอบลงมาทำงานแบบที่พนักงานทำ เท่ากับแย่งงานของพนักงาน ทั้ง ๆ ที่งานตนเองนั้นควรทำงานที่ต้องรับผิดชอบ..แต่ไม่กลับไม่ทำ..ก็คืองานบริหารที่ตนเองต้องทำ กลับทำได้ไม่ดี เพราะมัวแต่ไปทำงานทุกอย่าง  ใครเป็นเช่นนี้ ต้องให้เข้าใจว่า การโอนถ่ายงานที่ไม่ต้องรับผิดชอบมาก ให้ทีมงานทำเสียบ้าง เป็นเรื่องที่จำเป็น ทำให้งานไหลลื่น..เท่านี้เอง ความเจริญรุ่งเรืองในแผนกก็จะเกิดขึ้นในทันที..

10 ผู้จัดการ นิยมข่มขู่
ผู้จัดการบางคน มักคิดว่า การข่มขู่จะทำให้พนักงานกลัว กังวล ผู้จัดการจึงตัดสินใจ เลือกวิธีที่จะข่มขู่พนักงาน ให้พนักงาน กังวล กลัว สร้างมโนภาพความน่ากลัวให้พนักงานเห็น เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้พนักงานทำงานมาก ๆ แต่ผลปรากฏว่า เมื่อพนักงานทุกคนต่าง ๆ กังวล ทุกคนกลัว ทำให้ทุกคนเอาเองตัวรอด ไม่สนใจความสำเร็จขององค์กร เพราะต่างทำอะไรเพื่อตัวเองให้รอดก่อน..ใครเป็นผู้จัดการแบบนี้ รีบแก้ไขบุคลิก ข่มขู่โดยด่วน เปลี่ยนทำ พูด ด้วย จิตวิทยาและวาทศิลปในการโน้มน้าวใจ ทีมงาน ทำให้ทีมงานมีกำลังใจที่เพียงพอที่จะต่อสู้เพื่อความสำเร็จของทีมตนเอง ส่งผลถึงความสำเร็จขององค์กร..

คำกล่าวที่ว่า ขึ้นเป็นผู้จัดการว่ายาก แต่การเป็นผู้จัดการอัจฉริยะ ที่เพรียบพร้อมด้วยความสามารถ เข้าใจหลักในการบริหารทีมงาน เป็นเรื่องที่ยากมากว่า…จึงอยากบอกเหล่า บรรดาผู้จัดการทั้งหลายว่า..ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่บรรดา ผู้จัดการอัจฉริยะ จะหันมามุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง..เพื่อสร้างผลสำเร็จให้กับองค์กรอย่างยั่งยืนตลอดไป..ห่วงเลย..

 

หลักสูตร ผู้จัดการ อัจฉริยะ-ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย